ในช่วงที่เดินกันมาจนใกล้จะถึงยอดภูกระดึงนั้น พวกเราก็ได้ยินเสียงหึ่งๆ คล้ายกับเสียงจักจั่นดังระงมไปทั่วตลอดเวลา ทีมงานซึ่งเคยมีประสบการณ์ขึ้นภูกระดึงมาก่อนหน้าครั้งนี้แล้วเล่าว่า เมื่อครั้งมาขึ้นภูรอบที่แล้ว (ประมาณเกือบสิบปีก่อน) ก็มีเสียงนี้ให้ได้ยินในช่วงใกล้ถึงยอดภูเช่นเดียวกัน เสียงหึ่งๆดังกล่าวข้างต้นนี้เองทำให้พวกเรานึกถึงตำนานที่บอกเล่าเก่าแก่สืบมาของ “ภูกระดึง” ทันที........ตำนานได้เล่าขานถึงเสียงกระดิ่งหรือระฆังใหญ่ที่แว่วดังมาจากยอดภูสูงมีสัณฐานคล้ายดังกระดิ่งทับหล้าในวันโกนหรือวันพระคล้ายกับว่ามีวัดอยู่บนยอดเขา บ้างก็ว่าเป็นเสียงระฆังของพระอินทร์ แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีผู้ใดย่างกรายไปถึงจึงได้แต่เรียกขานภูเขาแห่งนี้ว่า “ภูกระดึง” ตราบจนกระทั่งพรานป่าแห่งหมู่บ้านศรีฐานได้ตามรอยกระทิงขึ้นสู่ยอดภู สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาก็คือที่ราบกว้างใหญ่ไกลสุดสายตา หน้าผาสูงชัน ทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยฝูงสัตว์ป่าเดินหากินอย่างอิสรเสรี ป่าสนเรียงราย น้ำตกอันแสนงดงาม ตลอดทั้งมวลไม้ป่านานาพันธุ์ดั่งสวนสวรรค์ เรื่องราวของภูกระดึงจึงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วนับจากนั้นมา......จากตำนานนี้เองที่ยังความฉงนสนเท่ห์ให้กับทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมของเราขึ้นมาพอสมควรเลยว่า เสียงหึ่งๆที่พวกเราได้ยินนี้ใช้เสียงกระดิ่งหรือระฆังใหญ่ในตำนานหรือไม่? เนื่องจากลองตั้งใจฟังซ้ำกี่ครั้งๆทีมงานของเราก็ยังคงลงความเห็นตรงกันว่าเสียงหึ่งๆดังกล่าวเหมือนเสียงจักจั่นมากกว่าเสียงระฆังอยู่ดี

     เวลาผ่านไปประมาณเกือบ 4 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มออกเดินจาก “หลัก กม.0” ในที่สุดทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมของเราก็ลากสังขารขึ้นมาสู่ “หลังแป” สำเร็จ รวมสถิติแวะพักระหว่างทางขึ้นภูทั้งหมด 3 ครั้ง (รวมเวลาพักรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทางขึ้น 30-40 นาทีด้วยครับ) หลังจากถ่ายรูปเป็นที่ระลึกคู่กับป้าย “ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง” และนั่งแทะขนมเล็กๆน้อยๆซึ่งพกติดตัวขึ้นมาด้วยเสร็จ ทีมงานของเราก็ค่อยๆลากขาเดินไปยัง “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง” ที่อยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 3.8 กิโลเมตรต่อ เบ็ดเสร็จรวมเวลาที่ทีมงานของเราใช้เดินทางจาก “หลัก กม.0” ถึง “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง” ประมาณ 5 ชั่วโมงหย่อนๆ พวกเราใช้เวลาต่อมารอลูกหาบที่ศูนย์บริการ เก็บสัมภาระต่างๆเข้าเต็นท์ที่พักและจัดการธุระส่วนตัวอื่นๆกว่าจะเสร็จเรียบร้อยดีก็เป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น พี่ต้นหญ้าที่ยังคงมีพลังงานเหลือเฟือก็ชวนทีมงานของเราเช่าจักรยานถีบไปสักการะ “องค์พระพุทธเมตตา” ซึ่งประดิษฐานอยู่ใกล้ๆกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อความเป็นสิริมงคลในการเดินทางมาท่องเที่ยวยังภูกระดึงแห่งนี้

พระอาทิตย์ขึ้น กับ ทะเลหมอก ณ ผานกแอ่น

ต่างคนต่างมา แต่มารวมกันที่จุดนี้เพื่อเป้าหมายเดียวกัน

แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านทิวไม้ในยามเช้า แล ะทิวทัศน์ทะเลหมอกอันงดงามบริเวณผานกแอ่น

ลานพระแก้ว พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่เคารพของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวผู้ซึ่งเดินทางขึ้นมาบนยอดภูแห่งนี้

องค์พระพุทธเมตตา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ภูกระดึง